ขอเป็นตัวแทนการ ส่งมอบความรักที่ยิ่งใหญ่ครั้งสุดท้าย สู่วิมาน

พินัยกรรมสำคัญไฉน

เจตจำนงสุดท้ายของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรม โดยระบุและกำหนดถึงความต้องการ ความประสงค์ และข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการ งานศพ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ความรับผิด หนี้สิน ทายาท

พินัยกรรม คืออะไร / มีกี่ประเภท

ข้อควรระวังในการเขียนพินัยกรรม

ต.ย การเขียนพินัยกรรม

เรื่องเล่าเหตุการณ์จริงจากการไม่เขียนพินัยกรรม

พินัยกรรม คืออะไร

พินัยกรรม เป็นนิติกรรมอย่างหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาแสดงเจตจำนงสุดท้ายของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรม โดยระบุและกำหนดถึงความต้องการ ความประสงค์ และข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการ งานศพ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ความรับผิด หนี้สิน ทายาท และบุตรซึ่งยังเป็นผู้เยาว์ของบุคคลนั้นเมื่อบุคคลนั้นตาย ในกรณีที่ผู้ทำพินัยกรรมได้กำหนดให้สิทธิหรือประโยชน์ใดๆ แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตาย เช่น การยกทรัพย์สินให้ หรือการปลดหนี้ให้ บุคคลผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตามพินัยกรรมนั้นจะเรียกบุคคลนั้นว่า ผู้รับพินัยกรรม

โดยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีพินัยกรรมทั้งหมด 5 ประเภท

ซึ่งแต่ละประเภทมีวิธีการ แบบ และเงื่อนไขในการทำพินัยกรรมที่แตกกัน ดังต่อไปนี้

แบบของพินัยกรรม มี 5 แบบ คือ

  1. พินัยกรรมแบบธรรมดา (ป.พ.พ. มาตรา 1656)
  2. พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ (ป.พ.พ. มาตรา 1657)
  3. พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง (ป.พ.พ. มาตรา 1658)
  4. พินัยกรรมทำเป็นเอกสารลับ (ป.พ.พ. มาตรา 1660)
  5. พินัยกรรมทำด้วยวาจา (ป.พ.พ. มาตรา 1663)

1. พินัยกรรมแบบธรรมดา โดยต้องทำเป็นหนังสือ จะเขียนหรือพิมพ์ขึ้นเองหรือจะให้บุคคลอื่นเขียนหรือพิมพ์ให้ก็ได้ โดยจะต้องลงวันที่ทำพินัยกรรม (มี ต.ย วิธีการเขียน)

ลงชื่อผู้ทำพินัยกรรม และต้องมีพยานรับรองว่าผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อในพินัยกรรมจริงอย่างน้อย 2 คน

2. พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ 

หลักเกณฑ์การทำ

  1. ต้องทำเป็นหนังสือ โดยจะเขียนหรือพิมพ์ก็ได้ (จะเขียนหรือพิมพ์เป็นภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศก็ได้)
  2. ต้องลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของผู้ทำ
  3. ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน จะลงลายมือชื่อหรือพิมพ์นิ้วมือก็ได้ แต่จะใช้ตราประทับแทนการลงชื่อหรือเครื่องหมายแกงไดไม่ได้ และพยานที่จะลงลายมือชื่อ ในพินัยกรรมจะพิมพ์ลายนิ้วมือหรือใช้ตราประทับ หรือลงแกงได หรือลงเครื่องหมายอย่างอื่นแทนการ ลงชื่อไม่ได้ จะต้องลงลายมือชื่ออย่างเดียว
  4. การขูด ลบ ตกเติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น ซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ในขณะ ที่ขูด ลบ ตกเติม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงนั้น ได้ลงวัน เดือน ปี และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อ หรือพิมพ์นิ้วมือต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน และพยานอย่างน้อยสองคนนั้นต้องลง ลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมในขณะนั้น (ต้องเป็นพินัยกรรมแล้ว)ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้เป็นโรคเรื้อน (ไม่มีลายนิ้วมือ) หากมีพยานลงลายมือชื่อรับรองถูกต้องย่อมใช้ไม่ได้

3. พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง 

การขอทำพินัยกรรมเป็นเอกสารฝ่ายเมือง ผู้ร้องสามารถยื่นคำร้องขอให้กรมการอำเภอ (นายอำเภอ) อำเภอใดก็ได้ ดำเนินการให้ตามความประสงค์ ดังนี้

คำอธิบายขั้นตอนการทำพินัยกรรมเป็นเอกสารฝ่ายเมือง

  1. ผู้ทำพินัยกรรม แจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมของตนแก่นายอำเภอต่อหน้า พยานอีกอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน
  2. นายอำเภอจดข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบแล้วนั้นลงไว้ และอ่านข้อความนั้น ให้ผู้ทำ พินัยกรรมและพยานฟัง
  3. เมื่อผู้ทำพินัยกรรมและพยานทราบแน่ชัดว่า ข้อความที่นายอำเภอจดนั้นเป็นการถูกต้องตรงกัน กับที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งไว้แล้ว ให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
  4. ข้อความที่นายอำเภอจดไว้นั้น ให้นายอำเภอลงลายมือชื่อ และลงวัน เดือน ปี จดลงไว้ด้วยตนเอง เป็นสำคัญว่า พินัยกรรมนั้นได้ทำถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ระบุไว้ข้างต้น แล้วประทับตราตำแหน่ง ไว้เป็นสำคัญ
  • การทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง ไม่จำเป็นต้องทำในที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอเสมอไป ถ้าผู้ทำร้องขอจะทำนอกที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอก็ได้ เมื่อทำพินัยกรรมเสร็จแล้ว ถ้าผู้ทำพินัยกรรม ไม่มีความประสงค์จะขอรับเอาไปเก็บรักษาเองโดยทันทีแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของนายอำเภอจัดเก็บรักษา พินัยกรรมนั้นไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอก็ได้
  • เมื่อความปรากฏว่า ผู้ทำพินัยกรรมถึงแก่ความตายแล้ว ผู้จัดการมรดก หรือผู้ได้รับทรัพย์มรดก โดยพินัยกรรม หรือโดยสิทธิโดยธรรมเป็นจำนวนมากที่สุด หรือผู้ซึ่งทำพินัยกรรมให้ จะขอรับพินัยกรรม ไปไว้ โดยแสดงหลักฐานการตายของผู้ทำพินัยกรรม เมื่อสอบสวนเป็นที่พอใจแล้ว ให้นายอำเภอมอบ พินัยกรรมนั้นให้ไป

อัตราค่าธรรมเนียม

  1. ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองในที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือเขต ฉบับละ 50 บาท ถ้าทำเป็นคู่ฉบับ ฉบับละ 10 บาท
  2. ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองนอกที่ว่าการอำเภอ กิ่งอำเภอ หรือเขต ฉบับละ 100 บาท ถ้าทำเป็นคู่ฉบับ ฉบับละ 20 บาท
  3. ทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับ ฉบับละ 20 บาท
  4. ทำหนังสือตัดทายาทหรือถอนการตัดทายาทโดยธรรม มิให้ได้รับมรดก ฉบับละ 20 บาท หรือสละมรดก
  5. ค่ารับมอบเก็บรักษาเอกสารที่ระบุไว้ใน (4) ฉบับละ 20 บาท
  6. ค่าคัดและรับรองสำเนาพินัยกรรมหรือเอกสารที่ระบุไว้ใน (4) ฉบับละ 10 บาท
  7. ค่าป่วยการพยานและล่าม ให้ได้แก่พยานและล่ามเฉพาะที่ทางอำเภอจัดหาให้ โดยพิจารณาจ่ายตามรายได้และฐานะของพยานและล่าม ซึ่งสมควรได้รับ ค่าป่วยการในการมาอำเภอ ไม่เกินวันละ 50 บาท กลับด้านบน

4. พินัยกรรมแบบเอกสารลับ คำอธิบายขั้นตอนการทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับ

เมื่อมีผู้ประสงค์จะทำพินัยกรรมเป็นเอกสารลับ ให้ผู้นั้นแสดงความจำนงตามแบบของเจ้าพนักงาน ยื่นต่อกรมการอำเภอ (นายอำเภอ) ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือกิ่งอำเภอแล้วปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

  1. ต้องมีข้อความเป็นพินัยกรรมและลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรม
  2. ผู้ทำพินัยกรรมต้องผนึกพินัยกรรม แล้วลงลายมือชื่อคาบรอยผนึก
  3. ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้น ไปแสดงต่อนายอำเภอและพยานอย่างน้อย 2 คนและ ให้ถ้อยคำต่อบุคคลทั้งหมดนั้นว่าเป็นพินัยกรรมของตน ถ้าพินัยกรรมนั้นผู้ทำพินัยกรรมเขียนเอง โดยตลอด ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแจ้งนามและภูมิลำเนาของผู้เขียนให้ทราบด้วย
  4. เมื่อนายอำเภอจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม และวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมาแสดงไว้ในซองพับ และประทับตราประจำตำแหน่ง แล้วนายอำเภอผู้ทำพินัยกรรม และพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น
  • บุคคลผู้เป็นทั้งใบ้ และหูหนวก หรือผู้ที่พูดไม่ได้ มีความประสงค์จะทำพินัยกรรมเป็นเอกสารลับ ก็ได้ โดยให้ผู้นั้นเขียนด้วยตนเองบนซองพินัยกรรมต่อหน้านายอำเภอ และพยานอย่างน้อย 2 คน ว่า พินัยกรรมที่ผนึกนั้นเป็นของตน แทนการให้ถ้อยคำ
  • ถ้าผู้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารลับประสงค์ขอรับไปทันที ก็ให้นายอำเภอมอบให้ไปได้ โดยให้ผู้ทำ พินัยกรรมแบบเอกสารลับ ประสงค์ขอรับไปทันที ก็ให้นายอำเภอมอบให้ไปได้ โดยให้ผู้ทำพินัยกรรม ลงลายมือชื่อรับในสมุดทะเบียน

5. พินัยกรรมแบบทำด้วยวาจา โดยที่ผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงความประสงค์จะทำพินัยกรรมต่อหน้าพยาน 2 คนพร้อมกัน ซึ่งอยู่ ณ ที่นั้น และพยานทั้ง 2 คนนั้นต้องไปแสดงตัวต่อผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อจดบันทึกข้อความตามความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมนั้นและพยานทั้งสองก็ต้องลงลายมือชื่อด้วย อย่างไรก็ดี พินัยกรรมประเภทนี้จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อ ในขณะนั้นผู้ทำพินัยกรรมอยู่ในสถานการณ์พิเศษเท่านั้น เช่น อยู่ในอันตรายใกล้ตาย มีโรคระบาด หรือสงคราม เป็นต้น

โดยที่ในการจัดทำพินัยกรรมตามแบบพินัยกรรมที่มีในเว็บไซต์นี้เป็นทำพินัยกรรมแบบธรรมดา

ข้อควรระวังในการเขียนพินัยกรรม

คุณสมบัติและความสามารถของผู้ทำพินัยกรรม

ในขณะเวลาที่ทำพินัยกรรมถือเป็นสาระสำคัญของพินัยกรรม ดังนั้นการที่กฎหมายกำหนดให้ต้องระบุวันที่ที่ทำพินัยกรรมนั้นก็เพื่อเป็นหลักฐานว่าในขณะทำพินัยกรรมนั้น ผู้ทำพินัยกรรมอยู่ในสภาวะที่มีความสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ มีสติสัมปชัญญะ และมีวิจารณญาณในการกำหนดข้อความในพินัยกรรมนั้นดีแล้ว เช่น

  • ผู้ทำพินัยกรรมต้องมีอายุอย่างน้อย 15 ปีบริบูรณ์ ในขณะที่ทำพินัยกรรม
  • ผู้ทำพินัยกรรมต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตในขณะที่ทำพินัยกรรม
  • ผู้ทำพินัยกรรมต้องไม่เป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนซึ่งไร้ความสามารถในขณะที่ทำพินัยกรรม

ต.ย การเขียนพินัยกรรม

เรื่องเล่าเหตุการณ์จริงจากการไม่เขียนพินัยกรรม

มรดก 200 ล้านใครได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเพื่อนเก่งเอง… เพื่อนเก่งมีลูกกับ Mr HK ครอบครัวของ MR. HK นามสมมุติ ทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนและไม่มีการรับรองบุตร Hk เป็น นักธุรกิจชาวฮ่องกงมีคุณตากับคุณยายซึ่งร่ำรวยมากมีคอนโดอยู่ที่ฮ่องกงมูลค่า 200 ล้านบาท ครอบครัวนักธุรกิจมี รายได้ น่าจะเดือนละหลายล้านก่อน covid..

เมื่อต้นปี 2022 ผ่านมาคุณตาเสียด้วยโรคมะเร็งเป็น 6 เดือนแล้วเสียเลย ไม่มีประกันใดๆ เนื่องจากเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมาก จึงอาจมองว่าการทำประกันสุขภาพหรือประกันชีวิตไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น ส่วนคุณยายซึ่งเป็นภรรยาของคุณตาก็ป่วยเป็นมะเร็งเช่นกันต้องมีค่ารักษาเดือนละประมาณ 200,000 บาท ตอนที่คุณตาหาเงินได้นั้นเงินก้อนนี้เป็นเศษเงินของบ้านนี้เลยทีเดียว

เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันคุณตาเสียผู้นำของครอบครัวที่มีรายได้หลักทุกอย่างพังทลายลงความรับผิดชอบตกมาอยู่ที่ลูกชายคนโต คือ HK

HK ได้ขายคอนโดมูลค่า 200 ล้านบาท HK ซึ่งลูกชายคนโตคือสามีของเพื่อนเก่ง… Hk ส่งลูกสาวไปเรียนต่างประเทศ แล้วได้โอนเงินจำนวนหลายล้านบาทไว้ให้..

แต่เมื่อโควิดมาถึง Mr.HK นามสมมุติซึ่งเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้วได้เป็นโควิด เนื่องจากมีพ่อและแม่ที่เป็นมะเร็งทั้งคู่ทั้งครอบครัวได้เสีย cashflowไปมากมาย ดังนั้นมิสเตอร์ HK จึงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลรัฐบาล …

ชีวิตผกผัน HK บอกว่าฉันยังไม่ตายฉันยังไม่โอนเงินค่าเรียนเพิ่มมาให้ลูกกับภรรยา….

และแล้วใน 2 วันที่ผ่านไป มิสเตอร์เอสเคก็สิ้นใจที่โรงพยาบาล ครอบครัวที่เมืองไทยไม่มีใครรู้ข่าว หลายเดือนผ่านไป…

HK เป็นลูกคนโตส่วนน้องชายคนกลางได้รับมรดก 200 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนน้องชายคนเล็กป่วยหนัก HK บอกภรรยาที่เมืองไทยว่าเดี๋ยวน้องชายฉันจะติดต่อกลับมาแต่ก็ไม่มีวี่แวว… ( ในโลกนี้จะมีกี่คนที่ซื่อสัตย์กับเงิน 200 ล้าน)

เราได้อะไรจากบทเรียนนี้ หากเราเก็บความตายไว้ใกล้ตัวและเรียนรู้เสมอว่ามันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

  •  เราจะทำพินัยกรรมเป็นเรื่องเป็นราว มองอนาคตเป็นหลัก
  • เรื่องเงินเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนและต้องจัดการ
  • cash flow ก่อน คุณตาเสียน่าจะซื้อประกันชีวิตได้ 30-50 ล้านบาทแบบสบายๆ
  • ทุกคนควรมีประกันสุขภาพอย่างต่ำควรมีประกันมะเร็ง โรคร้ายแรง
  • 1 อาทิตย์ก่อน HK เสีย เขาบอกว่าเขาเป็นห่วงแม่คุณยาย
  •  200 ล้านบาท หายวับไปกับตาลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ต่างประเทศตอนนี้ ต้องช่วยเหลือตัวเองและเงินก้อนสุดท้ายที่ HK โอนไว้ก่อนโควิท
  •  หากมองว่าความตายเป็นสิ่งใกล้ตัวเราจะวางแผนได้ดีขึ้นหากมองความตายเป็นสิ่งที่ไกลตัวเราจะไม่ได้วางแผน
  • ขออนุญาตนำข้อมูลของ Mr. HK มาเป็นอุทาหรณ์ให้ครอบครัวอื่นๆไม่ว่าท่านจะมีรายได้เท่าไหร่

การวางแผน แบบตีต่ำที่สุดคือสิ่งที่จำเป็นมาก

❤ ด้วยความเคารพขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะคะ

✅ ทุกคนคิดว่าเราจะไม่ตาย คงอีกนานคงไม่ถึงตาเรา แต่แท้จริงแล้วความตายเป็นสิ่งที่แสนใกล้ตัวมาก หากเรามีลูกหลานที่เป็นห่วง ควรทำพินัยกรรมให้ชัดเจน เพราะเราไม่รู้เลยว่าเราจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่

อีกเรื่อง : เรื่องเล่าจากพินัยกรรม

นี่คือเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นมานานพอสมควร ลูกค้าต่างชาติท่านหนึ่งเชื้อสายเอเชีย ทรัพย์สินมีมากกว่า 1,000 ล้านบาท เขียนพินัยกรรมให้ลูกทั้งหมด 5 คน 3 คนเป็นผู้หญิงส่วนอีก 2 คนเป็นผู้ชาย ให้พินัยกรรมคิดเอาไว้ว่า ใครจัดงานศพพ่อคนนั้นได้มรดก หลังจากที่พ่อเสียชีวิตลูกชายทั้งสองคนก็แย่งร่างของพ่อเพื่อจัด งานศพ

คนนึงมีบอดี้การ์ด ให้เฝ้าศพพ่อไว้ที่โรงพยาบาล ส่วนอีกคนนึงจ้างบริษัทขนย้ายศพเพื่อกลับประเทศ แย่งกันไปแย่งกันมาเมื่อสอบถึงประเทศปลายทาง ก็มีรถหลอกว่าศพกำลังแล่นไปทางนี้

ในฐานะคนเป็นพ่อคุณคงกลัวว่าจะไม่มีใครดูดำดูดีเมื่อท่านเสียไป แต่ถ้าหากผู้วายชนตน์มองลงมาสิ่งที่เกิดขึ้น หากย้อนเวลากลับไปได้เราจะเขียนพินัยกรรมเช่นนี้หรือไม่

ไม่มีสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดในการเขียนแผนพินัยกรรมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เขียน

การเล่าเรื่องขอเป็นอุทาหรณ์สำหรับครอบครัวที่ต้องเขียนพินัยกรรมแบ่งมรดก หรือหากท่านเป็นอยู่ตัวคนเดียวและไม่มีญาติใดๆมรดกก็จะตกไปสู่ญาติลำดับที่ 2 ลำดับที่ 3 หากไม่มีก็จะตกเป็นของแผ่นดินนั่นเอง

  • หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากทนาย สามารถปรึกษาทีมงาน Farewellmyloves ได้เลยเรามีทนายอำนวยความสะดวกให้ในราคาเริ่มต้นที่ 4000 บาท 

ขอบคุณข้อมูลจาก 

สำนักบริหารการทะเบียน

https://www.bora.dopa.go.th/CallCenter1548/index.php/menu-general/12-service-handbook/general/40-general-testament

https://www.wonder.legal/th/modele/พินัยกรรม?gclid=CjwKCAjwzo2mBhAUEiwAf7wjkt8abV4fJV1CwqzFQyxtRbBCunGe4fGC9oLWhvSaPDkYut9Fd2ZJ5RoCWGwQAvD_BwE

บทความที่เกี่ยวข้อง

บริการจัดดอกไม้งานศพครบวงจร ดอกไม้หน้าหีบศพ ดอกไม้หน้าเมรุ มากกว่าดอกไม้คือการบริการ เรายึดมั่นในงานบริการ ใส่ใจในทุกรายละเอียด

การบริจาคโลงศพ และอานิสงค์หรือผลบุญในการทำทานนี้

โลงศพก็เปรียบเสมือนบ้าน ที่อยู่อาศัยสำหรับร่างของคนตาย เหมือนกับคนเป็น เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องมีบ้าน เป็นที่พิงพักอาศัย  ส่วนสำหรับคนตาย

พินัยกรรมสำคัญไฉน

เจตจำนงสุดท้ายของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้ทำพินัยกรรม โดยระบุและกำหนดถึงความต้องการ ความประสงค์ และข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการ งานศพ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ความรับผิด หนี้สิน ทายาท

ทำไมต้องใช้บทพระอภิธรรมหน้าศพ

ในครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องเคยได้ยินบทสวดอภิธรรมไม่ครั้งใดก็ครั้งหนึ่งเราเคยสงสัยความหมายของบทสวดบ้างหรือไม่ หรือสงวัยว่าทำไมต้องสวดอภิธรรมในงานศพ…